วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ตรีโกณมิติประยุกต์ ม.5
เนื้อหาของตรีโกณมิติประยุกต์ ม.5
เมื่อเรียนเรื่องตรีโกณมิติในสามเหลี่ยมมุมฉากมาจากปีก่อนๆแล้ว ใน ม.5 ตรีโกณมิติเองก็ได้อัพเลเวลให้ยากขึ้นไปอีกขั้น โดยการจับยัดสามเหลี่ยมเข้าไปใส่ไว้ในวงกลมนั่นเอง โดยรวมมีแค่นี้เองครับ เดี๋ยวมาค่อยๆดูกันนะว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง
1. วงกลมหนึ่งหน่วย
2. การเปลี่ยนตรีโกณให้อยู่ในวงกลม
3. ตรีโกณของมุมผลบวก/ผลต่าง
4. ตรีโกณจากมุมผลต่าง กับผลคูณ
5. วิธีคำนวณมุม 2, 3, 0.5 เท่า
6. เอกลักษณ์ตรีโกณมิติ
7. Inverse ของตรีโกณมิติ
8. กฎของ Sine และ Cos
9. การหาระยะทางและความสูง
2. การเปลี่ยนตรีโกณให้อยู่ในวงกลม
3. ตรีโกณของมุมผลบวก/ผลต่าง
4. ตรีโกณจากมุมผลต่าง กับผลคูณ
5. วิธีคำนวณมุม 2, 3, 0.5 เท่า
6. เอกลักษณ์ตรีโกณมิติ
7. Inverse ของตรีโกณมิติ
8. กฎของ Sine และ Cos
9. การหาระยะทางและความสูง
ทำไมเยอะจังเลย -__-
นั่นสินะครับ พี่เองก็คิดเหมือนกัน ดูเหมือนน้อยแต่ทำไมมันมีเยอะจังเลยง่ะ แต่โชคดีที่พี่ได้เนื้อหาสรุปสูตรตรีโกณมาครับ ขอขอบคุณ Dektalent.com สำหรับสูตรครับ ใครอยากเรียนตรีโกณด้วยคลิปวีดีโอล่ะก็ แนะนำที่ Dektalent.com ครับวงกลมหนึ่งหน่วย
คือวงกลมที่มีรัศมียาว 1 หน่วย มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ (0,0)![วงกลมหนึ่งหน่วย](http://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2013/08/วงกลมหนึ่งหน่วย.jpg)
องศากับเรเดียน
หนึ่งรอบของวงกลมคือ 2Pi เรเดียน = 360o ดังนั้น
Pi เรเดียน = 180o
ซึ่งจะเอาตรงนี้เป็นหลักเลย เมื่อโจทย์ถามถึงมุมองศาอื่นๆ ก็หารตามสัดส่วน
Pi/2 เรเดียน = 180o/2 = 90o
Pi/3 เรเดียน = 180o/3 = 60o
Pi/4 เรเดียน = 180o/4 = 45o
Pi/6 เรเดียน = 180o/6 = 30o
จริงๆมีมุมอีกเยอะ แต่หารแล้วเลขมันจะไม่ลงตัวครับ เราเอาแต่ตัวเลขสวยๆมาเรียนก็แล้วกันนะ จะได้ไม่งงPi/3 เรเดียน = 180o/3 = 60o
Pi/4 เรเดียน = 180o/4 = 45o
Pi/6 เรเดียน = 180o/6 = 30o
![เปรียบเทียบองศาและเรเดียน](http://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2013/08/เปรียบเทียบองศาและเรเดียน.jpg)
(x,y) เป็นจุดบนกราฟของวงกลม 1 หน่วย จากรูปจะได้ (x,y) = (cos θ, sin θ)
ค่า Sin Cos Tan ที่ตำแหน่งต่างๆบนวงกลม
![เครื่องหมายของมุม](http://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2013/08/เครื่องหมายของมุม.jpg)
วิธีการหาค่า Sin Cos Tan ที่ตำแหน่งต่างๆของวงกลม
ต้องหาด้วยสองขั้นตอนคือ
1. หาค่า sin cos tan นั้นๆ (ไม่ยาก)
2. หาเครื่องหมาย ว่าค่าที่หาได้ เป็น + หรือ – ดูได้จากวงกลม
2. หาเครื่องหมาย ว่าค่าที่หาได้ เป็น + หรือ – ดูได้จากวงกลม
สรุปสูตรพื้นฐาน 8 สูตร
![สูตรพื้นฐาน-8-สูตร](http://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2013/08/สูตรพื้นฐาน-8-สูตร.jpg)
สรุปสูตรตรีโกณมิติของมุมผลบวกและผลต่าง
![ตรีโกณมุมผลบวกผลต่าง](http://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2013/08/ตรีโกณมุมผลบวกผลต่าง.jpg)
การเปลี่ยนฟังก์ชันตรีโกณมิติจากมุมผลคูณ เป็นผลบวกหรือผลต่าง
![เปลี่ยนฟังก์ชันตรีโกณจากมุมผลคูณ](http://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2013/08/เปลี่ยนฟังก์ชันตรีโกณจากมุมผลคูณ.jpg)
การเปลี่ยนฟังก์ชันตรีโกณมิติจากมุมผลบวกหรือผลต่าง เป็นผลคูณ
![การเปลี่ยนฟังก์ชันตรีโกณเป็นผลคูณ](http://www.tewfree.com/wp-content/uploads/2013/08/การเปลี่ยนฟังก์ชันตรีโกณเป็นผลคูณ.jpg)
ที่มา ติวฟรีออนไลน์ คลิปเฉลยข้อสอบ www.tewfree.com
วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557
สีสันแห่งการเรียนรู้จังหวัดปราจีนบุรี
สีสันแห่งการเรียนรู้จังหวัดปราจีนบุรี
จะขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ ทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี วัฒนธรรมไทย และ ธรรมชาติ ที่น่าสนใจ ตามโครงการ อปท.เที่ยวทั่วทิศ ช่วยเศรษฐกิจไทย ได้แก่
1) โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ตั้งอยู่ที่ ถ.ปราจีนอนุสรณ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
เรียนรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนไทย เลือกซื้อของฝากจากผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ติดต่อสอบถามได้ที่ 037-212-716 , 037-211-088 ต่อ 2171, 2172
2) กลุ่มสมุนไพรบ้านดงบัง
ตั้งอยู่ที่ ถ.สุวรรณศร กม. 165 ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
ศูนย์การเรียนรู้สวนสมุนไพรเกษตรอินทรีย์ มีที่พักแบบ โฮมสเตย์ สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิต ชาวบ้านผู้ปลูกสมุนไพร ศูนย์เพาะชำและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ต้นกล้า สมุนไพร สินค้าและวัตถุดิบสมุนไพร
ติดต่อสอบถามได้ที่ 087-087-5039, 089-269-2643, 087-600-8842
3) ไม้เค็คโฮมสเตย์
ตั้งอยู่ที่ 27/2 หมู่ 2 ต.ไม้เค็ด อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
เรียนรู้วิถีชีวิตชาวสวนผลไม้ เรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นและกิจกรรมท้องถิ่น อาทิ การศึกษาสวนแบบเศรษฐกิจพอเพียง การสาธิตการตอนและขยายพันธุ์ไม้
ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณจำนง ด้วงพิมพ์ , นางพรทิพย์ ด้วงพิมพ์ 081-458-9531, 081-454-4148
4) บ้านดงโฮมสเตย์
ตั้งอยู่ที่ ต.ดงกระทงยาม อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี
ศึกษาวิถีชีวิตชาวไทยพวน เรียนรู้ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงของชุมชน
ติดต่อสอบถามได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลดงกระทงยาม 037-572-318
5) หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับ เฉลิมพระเกียรติ
ตั้งอยู่ที่ ถ.สุวรรณศร กม. 165 ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
เป็นแหล่งผลิตพันธุ์ไม้นานาชนิด โดยเฉพาะไม้ล้อมขนาดต่าง ๆ ไม้ไทยในวรรณคดี ไม้มงคล
ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณบุญสืบ เจริญสุข โทร. 087-911-1679 , คุณจงกล จันทร์ศิริ โทร. 086-824-2853
6) โครงการพัฒนาป่ายาสมุนไพรเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ
ตั้งอยู่ที่ หมู่ 10 ต.หนองแก้ว อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี
เป็นแหล่งปลูกสมุนไพรและผักพื้นบ้านเพื่อการศึกษา วิจัยเรียนรู้การจัดการวัตถุดิบสมุนไพรในระบบเกษตรอินทรีย์ ภายในป่าจะแบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ อาทิ ส่วนสาธิตและกิจกรรมเรียนรู้สมุนไพรสำหรับการวิจัยสมุนไพร วัตถุดิบ อนุรักษ์พันธุกรรมสมุนไพรและผักพื้นบ้าน
ติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี โรงพยาบาลอภัยภูเบศร กลุ่มงานเภสัชกรรม
โทร. 037-211-289, 037-211-088 ต่อ 2133, 2149
การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
เป็นวิธีการทางสถิติอย่างหนึ่งที่ใช้ในการจัดข้อมูลที่มีอยู่ หรือที่เก็บรวบรวมมาได้ให้อยู่เป็นกลุ่มๆ เพื่อสะดวกในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น
เป็นวิธีการทางสถิติอย่างหนึ่งที่ใช้ในการจัดข้อมูลที่มีอยู่ หรือที่เก็บรวบรวมมาได้ให้อยู่เป็นกลุ่มๆ เพื่อสะดวกในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น
ไฮโดรโพนิกส์
"ไฮโดรโพนิกส์" เป็นการปลูกพืชโดยไม่ใช้วัสดุปลูก คือ จะปลูกพืชลงบนสารละลายธาตุอาหารพืช ให้รากพืชสัมผัสกับสารอาหารโดยตรง ตามรากศัพท์เดิมมาจาก ไฮโดร (Hydro) แปลว่าน้ำ และ โพโนส (Ponos) แปลว่า งาน รวมความคือ วอเตอร์-เวิร์คกิ้ง (Water-working) หมายถึงการทำงานของน้ำที่มีสารละลายธาตุอาหารผ่านรากพืช ซึ่งต้องมีการควบคุมอุณหภูมิของสารละลายธาตุอาหารพืช ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชให้ดี
กินดี...ต้านโรคได้
การกิน ไม่ใช่กินอย่างไรให้อร่อย แต่เน้นเรื่อง “ กินดี ” เพื่อต้านโรค เพราะเล็งเห็นว่าคนยุคนี้มีโรคภัยมากมายเกาะกุมรุมเร้าอันมีสาเหตุมาจากอาหารการกิน ผู้ใหญ่และวัยรุ่นยุคนี้คุ้นเคยกับอาหารจานด่วนมากกว่าน้ำพริกผักจิ้ม ส่วนเด็กยุคใหม่เรียกได้ว่าโตมาจากนมผงและอาหารจานด่วน แถมดูอ้วนท้วนสมบูรณ์แก้มกลมแสนน่ารัก แต่อนาคตทำนายได้ยากว่าจะรอดพ้นจากภัย โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดตีบ โรคมะเร็งได้แค่ไหน
แล้วอาหารมีผลอย่างไรที่ทำให้เกิดโรคได้ ? เมื่ออาหารเข้าสู่ร่างกายของเราแล้วจะถูกย่อยเป็นโครงสร้างเล็กๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการเผาผลาญ หรือเมตาบอลิซึม ที่ทำให้เซลล์เล็กๆ ในร่างกายสามารถนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์และเป็นพลังงาน แต่เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารในสัดส่วนที่ไม่สมดุลเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย ทำให้มีแนวโน้มของการได้รับสารอาหารบางประเภทมากเกิน โดยเฉพาะแป้ง น้ำตาล และไขมัน ยกตัวอย่างเช่น แป้ง น้ำตาล ที่มักพบในอาหารจานด่วนและขนมต่างๆ เมื่อได้รับมากเกินไปจะทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด และเมื่อมีปริมาณไม่เพียงพอ จะนำไปสู่การเป็นเบาหวานได้ นอกจากนี้แป้งและน้ำตาลที่เหลือใช้จะเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทำให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งเมื่อเกิดการสะสมมากขึ้น ระบบการทำงานของร่างกายจะเริ่มแปรปรวนและทำงานบกพร่องจนนำไปสู่โรคต่างๆ เช่น ไขมันที่ไปเกาะอยู่ตามหลอดเลือดจะทำให้หลอดเลือดสูญเสียความยืดหยุ่น ปิดกั้นการไหลเวียนของเลือด จนอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดไปเลี้ยง การป้องกันย่อมดีกว่าแก้ไข “ การกินดี เพื่อต้านโรค ” จึงต้องเริ่มจากการเลือกอาหารในแต่ละวันให้มีสัดส่วนและปริมาณที่เหมาะสม ลดและเลี่ยงอาหารบางชนิด โดยมีหัวใจหลักดังนี้
เลือกกินอาหารที่หลากหลาย
เนื่องจากอาหารแต่ละชนิดจะมีองค์ประกอบของสารอาหารไม่เหมือนกัน โดยจะมีปริมาณที่แตกต่างออกไปตามหมวดหมู่ของอาหาร เช่น ส้มจะเป็นแหล่งของวิตามินซี แต่มีวิตามินบี 12 อยู่น้อย ในขณะที่ชีสจะมีปริมาณของวิตามินบี 12 อยู่มากกว่า การกินอาหารชนิดเดียวกันทุกๆ วันจะทำให้ร่างกายได้สารอาหารที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะผู้ที่กินมังสวิรัติมีแนวโน้มที่จะขาดโปรตีน วิตามินบี แคลเซียม และธาตุเหล็กได้ง่าย จึงอาจจำเป็นต้องรับประทาน วิตามิน หรืออาหารเสริม ในหนึ่งวันจึงควรเลือกอาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้แก่ ธัญพืช ผัก ผลไม้ นม เนื้อสัตว์ และถั่วตามปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละคน
คุมปริมาณพลังงานและสัดส่วนสารอาหารในแต่ละวัน คุณควรเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ให้พลังงานต่ำ การหมั่นสังเกตฉลากแสดงปริมาณสารอาหารที่เป็นองค์ประกอบ ในอาหารนั้นๆ จะทำให้เข้าใจและสามารถกำหนดสัดส่วนการกินใน แต่ละมื้อได้ดีขึ้น โดยเฉลี่ยพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน 50% ควรมาจาก กลุ่มคาร์โบไฮเดรต ซึ่งควรเน้นอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าว และธัญพืชต่างๆ อาหารกลุ่มโปรตีน ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ และถั่วต่างๆ ควรได้รับประมาณ 15% ส่วนที่เหลือ 35% มาจากไขมันชนิดดี หรือไขมันที่ไม่อิ่มตัว
![]() อาหารจำพวกธัญพืช ผัก และผลไม้ นอกจากจะเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีคุณค่าแล้ว ยังเป็นกลุ่มของอาหารที่มีไขมันต่ำมาก ทำให้อิ่มนานเพราะมีใยอาหารปริมาณสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ใยอาหารซึ่งมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีจะช่วยในการขับถ่ายและดูดซึมสารพิษในลำไส้ โดยขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ จึงช่วยป้องกันการสะสมของสารพิษ และลดอาการท้องผูก ริดสีดวงทวาร และลดอัตราเสี่ยงของมะเร็งที่ ลำไส้ใหญ่ได้
เลือกกินแต่ไขมันชั้นดี
ไขมันไม่ได้มีโทษไปเสียทุกชนิด ร่างกายยังต้องการไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงาน สร้างความอบอุ่น ช่วยในการทำงานของสมอง และเป็นองค์ประกอบของฮอร์โมนต่างๆ รวมทั้งช่วยในการดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค ไขมันที่ดีคือไขมันที่ไม่อิ่มตัว มีมากในน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมัน-ข้าวโพด น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคำฝอย และปลาทะเล ฯลฯ ส่วนไขมันชนิดเลวคือไขมันอิ่มตัวจะทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในร่างกาย เพิ่มขึ้น อาจสะสมอุดตันในเส้นเลือด น้ำมันชนิดนี้มักพบในกะทิ น้ำมัน-มะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไขมันจากสัตว์ และนม แต่ในเมื่อนมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สูง คุณอาจเปลี่ยนมาดื่มนมไขมันต่ำแทนก็ได้
ลดน้ำตาลลง
อาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตซึ่งได้แก่แป้งและน้ำตาล เมื่อเข้าสู่ร่างกายและผ่านกระบวนการย่อยจะได้กลูโคส ซึ่งก็คือน้ำตาลชนิดหนึ่ง กลูโคสเป็นสารที่ให้พลังงานกับร่างกาย ในขณะเดียวกันหากมีมาก เกินไปจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม จึงไม่เป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการ ควบคุมน้ำหนักตัว นอกจากนี้การมีน้ำตาลอยู่ในร่างกายปริมาณสูงจะ ทำให้การสร้างอินซูลินที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดเสียสมดุลไป เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงขนมหวานหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน การเลือกกินข้าวกล้องที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจะทำให้ร่างกายค่อยๆ สลายกลูโคสออกมาอย่างช้าๆ จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้
เลี่ยงรสเค็ม อาหารส่วนใหญ่มีเกลือโซเดียมเป็นองค์ประกอบในปริมาณสูง มีอยู่ในอาหารทั่วไปเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นซอสปรุงรส น้ำปลา ขนมกรุบกรอบ อาหารหมักดอง อาหารสำเร็จรูป และอาหารที่มีรสเค็มทุกชนิด จึงเป็นไปได้ว่าเรามักจะได้รับโซเดียมเกินความต้องการของ ร่างกาย แม้ว่าโซเดียมจะมีประโยชน์ช่วยควบคุมปริมาณน้ำและความดัน-เลือดในร่างกาย แต่การได้รับโซเดียมมากเกินไปจะก่อให้เกิดโรคความดัน-โลหิตสูงได้ โดยในผู้ใหญ่แนะนำว่าควรได้รับประมาณวันละไม่เกิน 1,100-3,300 มิลลิกรัม
ระวังภัย 7 โรคร้าย ...ด้วยการกินให้ถูกวิธี
ถ้าคุณเป็นคนกินไม่เลือก ตามใจลิ้นอยู่ร่ำไป เมื่อร่างกายที่อยู่ในภาวะโภชนาการไม่ดีไปนานๆ ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาโรคเรื้อรังต่างๆ ขึ้นตามมาได้ ซึ่งโรคหลักๆ จากอาหารมีอยู่ไม่มากตามที่เกริ่นไว้แต่ต้น ดังนั้นถ้าสายเสียแล้วที่จะแก้ไข การเลือกวิธีโภชนบำบัด (diet therapy) ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย เพื่อให้การรักษาได้ผลอย่างเต็มประสิทธิภาพ ร่วมไปกับการรักษาทางการแพทย์ เป็นเบาหวานต้องคุมน้ำตาล ![]() การคุมอาหารควรทำไปพร้อมไปกับการควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
อาหารกับโรคหลอดเลือดแข็งและโคเลสเตอรอล ภาวะไขมันในเลือดสูงจะมีผลให้ไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือดจนขาดความยืดหยุ่นและ อุดตันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ถ้าเกิดการอุดตันจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย (myocardial infarction) และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ไขมันที่พบว่าเกิดการสะสม คือ โคเลสเตอรอล เพื่อความปลอดภัยองค์การอนามัยโลกได้เสนอให้ควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือดให้ต่ำกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร เมื่อโคเลสเตอรอลได้จากอาหาร การควบคุมโดยลดการกินไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันจากสัตว์ ไข่แดง นม น้ำมันพืชบางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม เพิ่มปริมาณอาหารที่มีใยอาหารให้มากขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวโอ๊ต เพราะใยอาหารจะจับกับ โคเลสเตอรอลในลำไส้เล็กทำให้ถูกดูดซึมได้น้อย และจะถูกขับออกมาทางอุจจาระ นอกจากนี้ แหล่งไขมันที่ควรได้รับในแต่ละวันควรมาจากไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำข้าว อย่างน้อย 10-12% ของพลังงานทั้งหมด
ควบคุมสัดส่วนอาหารต้านโรคอ้วน
น้ำหนักตัวเกินมาตรฐานเกิดจากร่างกายได้รับพลังงานมากเกินความต้องการ จึงเกิดการสะสมในรูปของไขมัน จนอาจทำให้การทำงานของร่างกายผิดปกติและเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ข้ออักเสบ และระบบทางเดินหายใจ การรักษาจะต้องเริ่มจากสาเหตุ คือควบคุมปริมาณการกินอาหารให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม และออกกำลังกายให้มากขึ้น ในส่วนของอาหารนั้นจำเป็นต้องกินอาหารให้ครบทุกมื้อ แต่ลดพลังงานลงวันละ 500 แคลอรี จะสามารถ ลดน้ำหนักลงได้สัปดาห์ละ 1/2 กิโลกรัม เช่น เปลี่ยนจากกินข้าวมาเป็นผักที่มีใยอาหารสูงเพื่อให้อิ่มนานขึ้น งดอาหารที่มีไขมันมาก เช่น เนื้อติดมัน อาหารทอด และงดอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารทุกมื้อควรมีปริมาณโปรตีนที่มีคุณภาพอย่างเพียงพอ เช่น ถั่วชนิดต่างๆ แทนที่จะเป็นเนื้อสัตว์ที่มักจะมีไขมันสูง
โปรตีนต่ำเพื่อพยุงโรคไต
![]()
โรคความดันโลหิตสูงต้องระวังเกลือ
ความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากแรงดันภายในหลอดเลือดแดงสูงตลอดเวลา โดยแรงดันค่าสูงสุด (systolic blood pressure) และแรงดันค่าต่ำสุด (diastolic blood pressure) มีค่าสูงกว่า 160/95 โรคความดันโลหิตสูงจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมามากมาย คือหลอดเลือดแดง ไม่แข็งแรง เลือดไปเลี้ยงไม่สะดวก โดยเฉพาะถ้าเกิดขึ้นในบริเวณอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ สมอง ไต หรือจอตา ก็จะส่งผลให้เกิดอันตรายหรือถึงแก่ชีวิตได้ หลักการรักษาโรคความดันโลหิตสูงคือการควบคุมอาหาร การลดน้ำหนักลงให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมทั้งหลีกเลี่ยงความเครียด การดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ อาหารที่ควรจำกัดคืออาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมอยู่มาก เพราะโซเดียมที่อยู่ในเกลือจะทำหน้าที่ในการควบคุมสมดุลแรงดันของผนังเซลล์ และปริมาณน้ำในร่างกาย อาหารที่มีเกลือโซเดียมมาก ได้แก่ น้ำปลา ซอสปรุงรสต่างๆ อาหารทะเล และยาบางชนิด นอกจากนี้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันมาก เพราะจะทำให้การควบคุมน้ำหนักเป็นไปได้ยาก โดยน้ำหนักที่เกินมาตรฐานจะทำให้หัวใจ ทำงานหนักมากขึ้นด้วย
โรคเกาต์กับกรดยูริค โรคเกาต์เกิดจากการที่ร่างกายมีระดับกรดยูริค (uric acid) ในเลือดสูง ร่างกายได้รับกรดยูริคจากอาหาร และจากการสังเคราะห์ขึ้นในร่างกายโดยการสลายตัวของเซลล์ต่างๆ โดยจะมีอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบของบริเวณที่มีการสะสมของกรดยูริค โดยเฉพาะบริเวณเนื้อเยื่อข้อต่อของกระดูก ทำให้ข้อกระดูกเสื่อม และกระดูกบริเวณนั้นผิดรูปได้ อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเกาต์จะต้องมีสัดส่วนของสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นแหล่งของกรดยูริค เช่น เครื่องในสัตว์ ถั่วต่างๆ ไข่ปลา ชะอม กะปิ ปลาซาร์ดีนกระป๋อง สัตว์ปีก กุ้งชีแฮ้ หอย น้ำต้มกระดูก ซุปก้อน ปลาขนาดเล็ก เห็ด กระถิน ยีสต์ ปลาอินทรีย์ เป็นต้น ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ควรกินอาหารที่มีไขมันน้อยลงเพื่อให้น้ำหนักลดลง ถ้ากินไขมันมากเกินไปจะทำให้ขับถ่ายกรดยูริคได้ไม่ดี แต่อย่างไรก็ดีไม่ควรได้รับอาหารที่มีพลังงานต่ำจนเกินไป เพราะร่างกายจะมีการสลายไขมันจากเนื้อเยื่อ ออกมาใช้ ทำให้มีปริมาณกรดยูริคสะสมเพิ่มขึ้นและขับถ่ายออกจากร่างกายลดลง น้ำตาลและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ควรงดเพราะมีผลต่อการขับถ่ายกรดยูริคด้วยเช่นกัน
ระวังอาหารห่างไกลโรคมะเร็ง
มะเร็ง (cancer) เป็นเนื้อเยื่อที่เจริญเติบโตผิดปกติ โดยจะขยายเซลล์ไปทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่ใกล้เคียง รวมทั้งกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ด้วย พบว่าอัตราการเสียชีวิตของประชากรโลกจากมะเร็งเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่เป็นตัวกระตุ้น ได้แก่ มลพิษจากสภาพแวดล้อมและอาหาร ข้อมูลต่างๆ จากการศึกษาพบว่าพฤติกรรมการกินอาหารมีผลกับการเกิดโรคมะเร็งมาก เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งจึงควรปฏิบัติดังนี้
สำหรับแนวทางการจัดอาหารสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็ง คือ ให้มีสารอาหารครบสัดส่วนตามที่ร่างกายต้องการ โดยอาจจำเป็นต้องแบ่งอาหารออกเป็นหลายมื้อ ดัดแปลงอาหารให้น่ากิน รสชาติดี เนื่องจากความบกพร่องของระบบย่อยอาหารและปัญหาด้านจิตใจ ที่สำคัญควรเป็นอาหารที่ปรุงสุก
จะเห็นได้ว่าอาหารที่ดีนอกจากปรุงแต่งรสชาติได้อร่อยถูกใจแล้ว การเลือกสรรสารอาหารให้ได้สัดส่วนและเหมาะสมกับแต่ละคนยังเป็นการป้องกันโรคได้ หรืออย่างน้อยการระวังในการกินสักหน่อยก็ทำให้คนเราอยู่กับโรคต่างๆ ได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ลำบากมากนัก ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับอาหารที่คุณกินในแต่ละมื้อเพื่อการมีสุขภาพที่ดี เพราะ You Are What You Eat... ก็ยังคงเป็นจริงเสมอ | ||||||||||
แหล่งข้อมูล : นิตยสาร - HealthToday |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)